วิธีคัดเลือกเมล็ดพันธุ์มะละกอที่ถูกต้อง
“มะละกอ” จัดว่าเป็นอีกหนึ่งพืชเศรษฐกิจที่น่าสนใจ และกำลังมาแรงไม่แพ้ไม้ผลชนิดอื่นๆ
สามารถปลูกได้เกือบทั่วทุกภาคของประเทศไทย แต่หากเราจะปลูกในเชิงการค้ากันจริงๆ
ก็ต้องเตรียมการและศึกษารายละเอียดตั้งแต่เริ่มคัดเลือกเมล็ดเพื่อทำพันธุ์
เพราะในการปลูกมะละกอเชิงการค้า จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้เมล็ดพันธุ์ปลูกให้ได้ต้นมะละกอที่สมบูรณ์เพศจริงๆ
(มะละกอต้นกะเทย) เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาด
โดยเริ่มตั้งแต่การคัดเลือกต้นมะละกอที่สมบูรณ์และมีผลดกในสวนของเราเอง
แล้วทำการดูแลรักษาเอาใจใส่อย่างจริงจัง
จากนั้นให้ใช้ถุงกระดาษหรือถุงผ้าขาวบางคลุมไปที่ดอกสมบูรณ์เพศของต้น
(ดอกสมบูรณ์เพศที่จะบานในวันรุ่งขึ้น) แขวนป้ายพร้อมระบุวันที่เอาไว้
ซึ่งจะใช้เวลาในการคลุมถุงกระดาษประมาณ 7 วัน ค่อยถอดถุงออก
ซึ่งหากเป็นมะละกอพันธุ์แขกดำหนึ่งผล จะได้เมล็ดพันธุ์ประมาณ 400-1,000 เมล็ด แต่หากเป็นมะละกอพันธุ์ปากช่อง ก็จะได้เมล็ดพันธุ์ประมาณ
150-300 เมล็ด และการเก็บเมล็ดพันธุ์มะละกอ จะต้องเลือกเก็บจากผลแก่จัดที่มีผิวสีส้มหรือสีเหลือง
และควรระวังอย่าให้ผลมะละกอกระทบกระเทือนหรือช้ำเด็ดขาด
และมีเทคนิคแนะนำอีกอย่างหนึ่งก็คือ การที่เราเอาเมล็ดมะละกอที่อยู่ในผลแก่ไปเพาะทันที
จะทำให้อัตราการงอกต่ำ เหตุผลก็เพราะว่าเยื่อหุ้มเมล็ดมะละกอชั้นนอกมีสารยับยั้งการงอกอยู่ด้วย
เพราะฉะนั้นแล้วเราควรเอามือขยี้เยื่อหุ้มเมล็ดออกให้หมด
หรือไม่ก็ให้แช่เมล็ดมะละกอในชามหรือกะละมัง โดยใส่น้ำให้ท่วมทิ้งไว้ประมาณ 48
ชั่วโมง จะทำให้เยื่อหุ้มเมล็ดมะละกอเน่าและหลุดออกง่าย
เพียงใช้มือขยี้เบาๆแล้วล้างด้วยน้ำสะอาดหลายๆครั้ง
จากนั้นก็นำไปคลุกด้วยปูนขาวหรือไดโลไมท์เพื่อป้องกันเชื้อรา
ก็สามารถนำไปเพาะได้เลยครับ หรือหากจะเก็บรักษาไว้
ก็ให้คลุกด้วยปูนขาวหรือไดโลไมท์ดังกล่าว แล้วนำไปผึ่งลม
(การผึ่งแดดจะทำให้เปอร์เซ็นต์งอกลดลง) ประมาณ 1-2 วัน
จากนั้นก็บรรจุใส่ในถุงพลาสติก บีบอากาศออกให้หมด มัดปากถุงให้แน่น
ใส่ไว้ในตู้เย็น (ช่องแช่ผัก) เพียงเท่านี้ก็จัดการเตรียมหลุมปลูกหรือถุงเพาะชำสำหรับ
“ต้นกล้ามะละกอ” ได้เลยครับ