ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

5 สาเหตุที่ทำให้มะละกอใบเหลือง ต้นโทรม และวิธีแก้ปัญหาอย่างละเอียดจากประสบการณ์จริง

5 สาเหตุที่ทำให้มะละกอใบเหลือง ต้นโทรม และวิธีแก้ปัญหาอย่างละเอียดจากประสบการณ์จริง

มะละกอ เป็นอีกหนึ่งพืชเศรษฐกิจที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย เพราะมะละกอเป็นพืชที่ปลูกง่ายให้ผลผลิตในระยะเวลาสั้นๆ (ประมาณ 7-8 เดือนหลังปลูก) อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่ชาวสวนมะละกอมักพบเจอก็คือโรค "มะละกอใบเหลือง" ซึ่งจะสร้างความเสียหาย ทำให้ต้นโทรม ใบร่วง และตายในที่สุด หากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้อง ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปสำรวจ 5 สาเหตุหลัก ที่ทำให้ มะละกอใบเหลือง พร้อมแนะนำวิธีแก้ปัญหาอย่างละเอียดจากประสบการณ์จริง เพื่อช่วยให้คุณสามารถดูแลสวนมะละกอของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  
มะละกอเกิดอาการใบเหลือง

1. การขาดธาตุไนโตรเจน (Nitrogen Deficiency)

การขาดธาตุอาหารหลัก โดยเฉพาะไนโตรเจน (N) เป็นหนึ่งในปัญหาที่พบบ่อยที่สุดในมะละกอ ไนโตรเจนเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยในการเจริญเติบโตของพืช หากพืชขาดไนโตรเจน จะแสดงอาการใบเหลือง โดยเริ่มจากใบแก่ที่อยู่ด้านล่างของต้น ต้นแคระแกร็น และโตช้า

วิธีแก้ปัญหา
•  ใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 46-0-0 (ยูเรีย):
•  นำปุ๋ยยูเรีย 1-2 ช้อนแกงผสมกับน้ำ 15-20 ลิตร คนให้ละลายเข้ากัน จากนั้นนำไปรดหรือฉีดพ่นรอบทรงพุ่มของต้นมะละกอ
•  หากเป็นต้นกล้า ควรลดความเข้มข้นลงโดยใช้ ครึ่ง-1 ช้อนแกงผสมน้ำ 20 ลิตร นำไปฉีดพ่นหรือรดได้เลย
•  ทำซ้ำทุก 1-2 สัปดาห์ จนกว่ามะละกอจะฟื้นตัวและใบกลับมาเขียวสดใส
•  บำรุงด้วยจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง:
•  หลังจากมะละกอฟื้นตัว แนะนำให้สลับการบำรุงด้วย จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง หรือน้ำหมักชีวภาพเพื่อเสริมสร้างระบบรากและเพิ่มความสมบูรณ์ให้พืช

ระบบน้ำสวนมะละกอ


2. ให้น้ำมากเกินไปหรือขาดน้ำเป็นเวลานาน

มะละกอ เป็นพืชที่ชอบความชื้นพอเหมาะ แต่ไม่ชอบดินแฉะ หากดินมีน้ำขังนานเกินไป จะทำให้รากเน่าเสียหาย ส่งผลให้ใบเหลือง ใบร่วง และต้นโทรมได้ เช่นเดียวกับการขาดน้ำ ซึ่งจะทำให้ต้นเหี่ยวเฉาและใบแห้ง

วิธีแก้ปัญหา การให้น้ำมะละกอ

•  ในช่วงหน้าฝน: ควรให้น้ำทุก 3-5 วัน/ครั้ง หรือหยุดให้น้ำหากมีฝนตกต่อเนื่อง และควรตรวจสอบจุดที่มีน้ำขังในแปลง เพื่อระบายน้ำออกอย่าให้ขังนาน เพราะอาจส่งผลเสียต่อระบบรากของมะละกอได้
•  ในช่วงหน้าแล้ง: ควรให้น้ำวันเว้นวัน หรือใช้ระบบสปริงเกอร์เพื่อกระจายความชื้นอย่างเหมาะสม

•  เคล็ดลับเพิ่มเติม:
•  ในช่วงแรกของ การปลูกมะละกอ ควรคลุมดินรอบโคนต้นด้วยฟางหรือเศษใบไม้แห้ง เพื่อรักษาความชื้นในดินและป้องกันการระเหยของน้ำในช่วงหน้าแล้งหรือฝนทิ้งช่วงได้



ระบบน้ำปีกผีเสื้อสวนมะละกอ

3. วัสดุรองพื้นหลุมเกิดความร้อนสะสมส่งผลเสียต่อรากมะละกอ

การรองพื้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่ยังไม่สลายตัวดี เมื่อ ปลูกมะละกอลงไป จะทำให้เกิดความร้อนสะสมภายในหลุมปลูก ส่งผลให้รากถูกทำลาย เกิดอาการใบเหลือง ต้นโทรมได้

วิธีแก้ปัญหา

•  ขั้นตอนการเตรียมหลุมปลูกมะละกอ:

•  ขุดหลุมลึกประมาณ 10 เซนติเมตร แยกหน้าดินไว้ต่างหาก
•  รองพื้นหลุมด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกเก่า อัตรา 1 ถ้วยต่อหลุม แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากันกับหน้าดิน ผสมลงในหลุมปลูก

•  นำต้นกล้ามะละกอลงปลูกตามปกติ ระวังไม่ให้ตุ้มดินแตก จากนั้นก็กลบดินและพูนดินรอบโคนต้นให้สูงกว่าผิวดินประมาณ 2-3 ข้อมือ เพื่อการระบายน้ำไม่ให้ขังบริเวณโคนต้น

•  เคล็ดลับเพิ่มเติมก่อนปลูกมะละกอ:

•  ใน การปลูกมะละกอ จากต้นกล้าที่เพาะในถุงเพาะชำ ควรงดน้ำก่อนปลูกประมาณ 2 วัน เพื่อป้องกันตุ้มดินแตกในระหว่างการปลูก อาจทำให้รากฝอยเสียหาย ส่งผลให้มะละกอโตช้า หรืออาจตายได้
•  หลังปลูกมะละกอเสร็จแล้ว ให้คลุมโคนต้นด้วยฟางหรือเศษใบไม้แห้ง เพื่อรักษาความชื้น


มะละกอฮอนแลนด์


4. น้ำขังรอบโคนต้นหรือปลูกบนพื้นที่ราบ (ไม่มีการยกร่อง)

การปลูกมะละกอ บนพื้นที่ราบหรือพื้นที่ดินเหนียว (ดินมีการระบายน้ำที่ไม่ดี) โดยไม่มีการยกร่อง จะทำให้น้ำขังรอบโคนต้น ส่งผลให้รากมะละกอเน่าเสียหาย เกิดอาการต้นโทรม ใบเหลืองได้

วิธีแก้ปัญหา
•  การยกร่องแปลงปลูก:
•  ก่อนวางแผน ปลูกมะละกอ ควรมีการเตรียมแปลงด้วยการเติมอินทรียวัตถุต่างๆ เช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ผสมลงไปในแปลง จากนั้นให้ทำการยกร่องสูงประมาณ 50 เซนติเมตร กว้างประมาณ 2.5 เมตร ตามระยะปลูก เพื่อป้องกันน้ำขัง

•  เคล็ดลับเพิ่มเติม:
•  การวาง ระบบน้ำสวนมะละกอ อาจใช้มินิสเปรย์ปีกผีเสื้อ หรือระบบสรปิงเกอร์ เพื่อการกระจายน้ำที่ดี
•  หากมีฝนตกหนักหรือตกติดต่อกันหลายวัน ตรวจหมั่นแปลง เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากแปลงปลูกทันที เพื่อป้องกันปัญหามะละกอรากเน่า และปัญหา มะละกอใบเหลือง ต้นโทรมได้


ระบบน้ำแบบสปริงเกอร์สวนมะละกอ

    
 5. การให้น้ำหรือวางระบบน้ำผิดวิธี

ระบบน้ำสวนมะละกอ ก็ถือว่ามีความสำคัญ เพราะหากวางระบบน้ำหยดหรือมินิสเปรย์ปีกผีเสื้อชิดโคนต้นมากเกินไป จะทำให้น้ำขังรอบโคนต้น เกิดอาการรากเน่า ส่งผลให้ มะละกอใบเหลือง ได้

วิธีแก้ปัญหา
•  การวางระบบน้ำอย่างเหมาะสม:
•  วางระบบน้ำหยดหรือปีกผีเสื้อห่างจากโคนต้น มะละกอ ประมาณ 10 เซนติเมตร หรืออาจใช้ระบบสปริงเกอร์ใน สวนมะละกอ เพื่อกระจายความชื้นอย่างทั่วถึง ช่วยปัญหารากเน่าโคนเน่าได้

•  เคล็ดลับเพิ่มเติม:
•  ตรวจสอบแรงดันน้ำในระบบ เพื่อให้น้ำกระจายตัวอย่างเหมาะสม

สรุป
การดูแลมะละกอ ให้เจริญเติบโต มีลำต้นที่สมบูรณ์ แข็งแรงและปลอดโรคใบเหลือง จำเป็นต้องใส่ใจในรายละเอียดตั้งแต่การเตรียมแปลง การให้น้ำ การใส่ปุ๋ยมะละกอ รวมถึงการเลือกอุปกรณ์วางระบบน้ำที่เหมาะสม หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณสามารถแก้ไขปัญหาโรคมะละกอ และดูแลสวนมะละกอของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ..ลองนำไปปรับปรุงหรือประยุกต์ใช้ เห็นผลอย่างไรก็คอมเม้นต์เล่าสู่กันฟังด้วยนะครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การสังเกตมะละกอต้นใหน..? ต้นตัวผู้..ต้นตัวเมีย..หรือต้นกระเทย

เคล็ดลับสังเกตเพศมะละกอ ต้นมะละกอแบ่งออกเป็น 3 เพศ   คือ ต้นตัวผู้ ต้นตัวเมียและต้นสมบูรณ์เพศ หรือเรียกอีกอย่างว่ามะละกอต้นกระเทย โดยทั่วไปจะสังเกตเพศได้เมื่อต้นมะละกอ ออกดอกแล้วเท่านั้น ขณะนี้ยังไม่มีวิธีการใดที่จะบอกเพศมะละกอในขณะที่ยังเป็นต้นกล้าเล็ก ๆ หรือก่อนที่มะละกอออกดอกได้ *** เพศของดอกมะละกอมีตัวถ่ายทอดพันธุกรรม คือ ยีนส์เพียงคู่เดียวเป็นตัวควบคุม มีวิธีการสังเกตดังนี้ เพศมะละกอ 1. มะละกอต้นตัวผู้   มีช่อดอกยาวแตกแขนงเป็นสาย 70-120 เซนติเมตร ดอกบนช่อเป็นดอกสมบูรณ์เพศที่มีอวัยวะเพศเมียปรากฏอยู่แต่ไม่ทำหน้าที่ มีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ กลีบดอกสีขาวหรือครีมโคนกลีบเป็นหลอด ปลายกลีบแยกกัน 5 แฉก บริเวณโคนติดกัน กลีบที่แยกกันนั้นจะมีอับเกสรตัวผู้สีเหลือง 10 ชุด   ถ้าอุณหภูมิต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส และช่วงแสงต่อวันน้อย รังไข่ของดอกมะละกอต้นตัวผู้อาจเจริญพัฒนาติดเป็นผล หลังจากรับการถ่ายละอองเกสรตัวผู้ได้ มะละกอต้นตัวผู้นี้ปกติไม่ให้ผลคุ้มค่าการลงทุน ควรทำการตัดทิ้ง ดอกมะละกอตัวผู้ 2. มะละกอต้นตัวเมีย   จะเป็นต้นตัวเมียที่แท้จริ...

วิธีสังเกตช่อดอก และแยกเพศมะละกออย่างง่ายๆ

หลังจากคลุกคลีอยู่กับพืชหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นผักหวานป่า อินทผาลัม หรือแม้กระทั่งไผ่บงหวานเพชรน้ำผึ้ง และไผ่ตงลืมแล้ง ตามแนวคิดที่ว่า ถ้าเดินเข้าสวนของผมก็ต้องมีของกินของขายแทบทุกชนิดรวมอยู่ในที่ดินเพียงผืนเดียว โดยใช้พื้นที่เพียง 12 ไร่ ด้วยความคิดที่ไม่หยุดยั้งตามด้วยการกระทำที่ไม่หยุดนิ่ง จึงได้เริ่มปลูกมะละกอฮอนแลนด์ประมาณหนึ่งไร่กว่าๆ เริ่มตั้งแต่นำเมล็ดมาเพาะเอง (3 ต้น/1ถุงเพาะชำ) จนได้ต้นกล้าอายุประมาณ 1 เดือน ปลูกด้วยระยะห่าง 2.5 x 2.5 เมตร เริ่มปลูกช่วงปลายเดือนกรกฎาคม มาถึงตอนนี้ (ตุลาคม) อายุมะละกอฮอนแลนด์ก็ได้ประมาณ 3 เดือน ก็มาถึงช่วงสำคัญ นั่นก็คือการแยกเพศมะละกอเพื่อให้ได้ต้นสมบูรณ์เพศหรือต้นกะเทย ตามภาษาชาวสวนมะละกอเขาเรียกกัน เพราะมะละกอเป็นพืชที่ไม่สมบูรณ์เพศ จะมี 3 เพศคือ  1. ต้นตัวผู้จะไม่ให้ผลผลิต 2. ต้นตัวเมียจะให้ผลผลิตรูปทรงกลมกลวง เนื้อไม่หนา ไม่เป็นที่ต้องการของตลาด  3. ต้นสมบูรณ์เพศหรือต้นกะเทย อันนี้จะให้ผลรูปทรงกระบอกเรียวยาว เนื้อหนา เป็นที่ต้องการของตลาด ขายได้ราคาดี  บทความนี้ขออธิบายการสังเกตช่อดอกมะละกอให้ฟังพอคร่าวๆจากปร...

วิธีตัดต้นมะละกอ หรือ "ทำสาวมะละกอ" ให้ได้ต้นเตี้ย ติดลูกดก

พบกันอีกแล้วครับ..กับบทความเกษตรดีๆ รวมไปถึงเทคนิคเด็ด เคล็ดไม่ลับในการทำเกษตร ที่ผมนำมาฝากโดยเฉพาะสำหรับคนที่ปลูกมะละกอ ไม่ว่าจะเพื่อการค้าหรือว่ากันในเชิงพาณิชย์นะครับ ทำสาวมะละกอ เรื่องราวที่ผมจะนำมาบอกเล่าให้ฟังในวันนี้ เป็นอีกหนึ่งวิธีในการดูแล และยืดอายุมะละกอในสวนของเรา หรือเรียกง่ายๆก็คือการทำสาวมะละกอ ให้ได้ต้นเตี้ย ติดลูกดก มีวิธีง่ายๆดังนี้ครับ หลังจากเราเก็บผลผลิตมะละกอชุดแรกหรือคอแรกไปแล้ว (ต้นมะละกออายุประมาณ 1 หรือ 2  ปี) ให้เราตัดต้นทิ้ง 2 ส่วน เหลือไว้ส่วนเดียว (จากโคนต้นขึ้นมา) ในการตัดให้ตัดเฉียงด้วยเลื่อยหรือมีดคมๆ จากนั้นก็คลุมด้วยถุงหรือแก้วพลาสติกเพื่อกันไม่ให้น้ำเข้า เสร็จแล้วให้บำรุงต้นด้วยมูลสัตว์เก่า หรือปุ๋ยสูตร 46-0-0 ประมาณ 1 ช้อนแกง/ต้น เพื่อเร่งการแตกยอด สุดท้ายก็รดน้ำให้ชุ่่ม คลุมด้วยเศษฟางหรือใบไม้แห้ง เพื่อเก็บรักษาความชื้นเป็นอันเสร็จครับ ทำสาวมะละกอ ต้นเตี้ย ลูกดก ด้วยวิธีง่ายๆเพียงเท่านี้  ผ่านไปประมาณ 3 สัปดาห์แขนงข้างต้นก็จะเจริญเติบโตเป็นลำต้นใหม่ที่พร้อมให้ผลผลิตที่สมบูรณ์ในรุ่นต่อไปๆครับ