ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ปลูกมะละกอฮอลแลนด์ง่าย ๆ ไม่ต้องเพาะถุง โตไว ผลผลิตนาน | เทคนิคจากประสบการณ์จริง

ปลูกมะละกอฮอลแลนด์อย่างง่ายๆ ไม่ต้องใส่ถุงเพาะ โตไว ให้ผลผลิตยาวนาน

โดยทั่วไป วิธีปลูกมะละกอที่นิยมใช้กันมาก คือ การเพาะเมล็ดลงในถุงเพาะชำก่อน จากนั้นก็อนุบาลต้นกล้าจนมีใบจริงประมาณ 4-5 ใบ แล้วจึงย้ายปลูกลงแปลง วิธีนี้ช่วยให้สามารถคัดเลือกต้นที่แข็งแรงก่อนนำลงปลูกได้

อีกวิธีหนึ่งคือ การหยอดเมล็ดมะละกอลงแปลงปลูกโดยตรง โดยไม่ต้องผ่านถุงเพาะชำ วิธีนี้ช่วยลดขั้นตอน ลดแรงงาน และทำให้ต้นมะละกอปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ตั้งแต่แรกปลูก

ส่วนตัวแล้ว ผมมองว่าวิธีแรกค่อนข้างยุ่งยากและใช้เวลามากกว่า จึงได้ทดลองปลูกมะละกอทั้งสองวิธี เพื่อเปรียบเทียบข้อแตกต่าง และสรุปผลมาแบ่งปันกัน ดังนี้ครับ

มะละกอฮอลแลนด์

วิธีที่ 1 : เพาะเมล็ดในถุงเพาะชำ 
โดยเริ่มจากนำเมล็ดมะละกอจากผลสุกสดมาล้างเอาเยื่อหุ้มเมล็ดออก จากนั้นนำไปเพาะลงถุงเพาะชำ ประมาณ 4-5 เมล็ดต่อถุง แล้วอนุบาลต้นกล้าเป็นระยะเวลาประมาณ 1 เดือน จนต้นมีใบจริง 4-5 ใบ หรือมากกว่านั้น จึงนำไปปลูกลงแปลงที่เตรียมไว้ตามปกติ

มะละกอที่เพาะในถุงเพาะชำ

วิธีที่ 2: ปลูกมะละกอจากเมล็ดโดยตรง

เริ่มจากการนำเมล็ดมะละกอจากผลสุกสดมาล้างทำความสะอาด โดยล้างเอาเยื่อหุ้มเมล็ดออก เช่นเดียวกับวิธีที่ 1 จากนั้น แทนที่จะเพาะเมล็ดลงในถุงเพาะชำ ให้เตรียมหลุมปลูกโดยรองก้นหลุมด้วยวัสดุหมัก (เช่นเดียวกับการปลูกต้นไม้ทั่วไป) เมื่อเตรียมหลุมเรียบร้อยแล้ว ให้นำเมล็ดมะละกอลงปลูกในหลุม โดยใช้ประมาณ 4-5 เมล็ดต่อหลุม

มะละกอที่ปลูกจากเมล็ด

ข้อแตกต่างของการปลูกมะละกอทั้งสองวิธี

จากการทดลองปลูกมะละกอด้วยสองวิธี ได้แก่

เพาะเมล็ดในถุงเพาะชำก่อนนำลงปลูกลงแปลง

✅หยอดเมล็ดลงแปลงปลูกโดยตรง (ไม่ใส่ถุงเพาะชำ)

ผลปรากฏว่า มะละกอที่ปลูกโดยหยอดเมล็ดลงดินโดยตรง มีการเจริญเติบโตที่เร็วกว่ามะละกอที่เพาะในถุงเพาะชำ แม้ว่าทั้งสองวิธีจะใช้เมล็ดจากแหล่งเดียวกันและปลูกในวันเดียวกัน หรือแม้กระทั่งปลูกห่างกันประมาณ 1 สัปดาห์ มะละกอที่หยอดลงดินโดยตรงก็ยังคงเติบโตไวกว่า และมีความสมบูรณ์แข็งแรงกว่าชัดเจน

สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ อาจเกิดจากรากของมะละกอที่ไม่ถูกกระทบกระเทือนจากการย้ายปลูก หรือรากมะละกอขดอยู่ในถุงเพาะชำเป็นเวลานาน ทำให้ มะละกอ ที่ปลูกโดยตรงมีรากที่สามารถดูดซับน้ำและสารอาหารได้ดีกว่า จึงเจริญเติบโตได้เต็มที่ตั้งแต่เริ่มต้นนั่นเองครับ 

ผลลัพธ์ที่แตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างการปลูกมะละกอทั้งสองวิธี

สรุปผลผลัพธ์ที่แตกต่างของการปลูกมะละกอสองวิธี    

1. การเพาะมะละกอในถุงเพาะชำ
ตอนแรกผมลองเพาะมะละกอในถุงดำ เพราะคิดว่าจะควบคุมการดูแลได้ง่ายกว่า เช่น การให้น้ำและการป้องกันแมลง แต่พอทำไปสักพักกลับเจอปัญหาหลายอย่าง:

❎รากขดตัว : รากมะละกอไม่มีพื้นที่ขยายตัว ทำให้เกิดการขดตัวในถุงดำ ส่งผลให้ต้นไม่แข็งแรงเท่าที่ควร

อาหารและน้ำจำกัด : ดินในถุงดำมีปริมาณจำกัด บางครั้งเราอาจให้น้ำมากเกินไปจนรากเน่า หรือน้อยเกินไปจนเกิดอาการใบเหลือง

ปัญหาตอนย้ายปลูก : เมื่อย้ายต้นกล้าจากถุงดำไปปลูกในแปลงใหม่ ต้นมะละกอต้องใช้เวลาปรับตัว ซึ่งช่วงนี้ต้นจะหยุดโตชั่วคราว แถมบางต้นยังตายเพราะปรับตัวไม่ทัน

2. การหยอดเมล็ดลงแปลงโดยตรง
จากนั้นผมลองเปลี่ยนมาหยอดเมล็ดลงแปลงโดยตรง และผลลัพธ์ที่ได้ทำให้ผมประทับใจมากครับ:

รากกระจายตัวเต็มที่ : เมล็ดที่หยอดลงแปลงจะมีรากที่แผ่ขยายได้เต็มที่ ทำให้ต้นมะละกอดูดน้ำและแร่ธาตุจากดินได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ระบายน้ำดีกว่า : ดินในแปลงปลูกมีการระบายน้ำที่ดีกว่า ลดปัญหารากเน่า และต้นมะละกอเติบโตแข็งแรงกว่า

สภาพแวดล้อมคงที่ : ต้นมะละกอไม่ต้องปรับตัวจากการเคลื่อนย้าย ทำให้โตเร็วกว่าและสมบูรณ์กว่า

ทำไมผมถึงแนะนำให้หยอดเมล็ดลงแปลง?
จากการทดลองของผมเอง พบว่าการหยอดเมล็ดลงแปลงโดยตรงเหมาะกับการปลูกมะละกอมากที่สุด เพราะ:

✅โตเร็วและแข็งแรง : ต้นมะละกอที่หยอดเมล็ดลงแปลงโตเร็วกว่า และลำต้นแข็งแรงกว่าต้นที่เพาะในถุงดำ

ลดปัญหาโรคและแมลง : ต้นมะละกอที่โตในแปลงปลูกมีความเสี่ยงต่อโรคและแมลงน้อยกว่า เพราะรากแข็งแรงและดินมีการระบายอากาศดี

ผลผลิตดกและต่อเนื่อง : การปลูกมะละกอ แบบหยอดเมล็ดลงแปลงโดยตรง จะให้ผลผลิตดกและต่อเนื่องและยาวนานกว่าการย้ายต้นกล้าจากถุงเพาะชำลงปลูก

เคล็ดลับเพิ่มเติมจากประสบการณ์ของผม
หากคุณอยากปลูกมะละกอให้โตเร็วและแข็งแรง ลองทำตามนี้ครับ:

✅เตรียมดินให้ดี : ผสมปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกลงในดิน เพื่อเพิ่มสารอาหารให้กับต้นมะละกอ

✅ระยะปลูกเหมาะสม : ปลูกห่างกันประมาณ 2.5 x 2.5 เมตร เพื่อให้ต้นมะละกอมีพื้นที่ในการเติบโตและรับแสงแดดอย่างเต็มที่

✅ให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ : ควรให้น้ำทุกวันในช่วงเช้า แต่ระวังอย่าให้น้ำขัง

มะละกอฮอลแลนด์อายุ 3 ปี (ปลูกด้วยการหยอดเมล็ดลงแปลง)

สรุปการปลูกมะละกอจากประสบการณ์ของผม

จากการทดลอง ปลูกมะละกอฮอนแลนด์ ด้วยสองวิธี ผมพบว่าการหยอดเมล็ดลงแปลงโดยตรง เป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับคนที่อยากได้มะละกอที่โตเร็ว แข็งแรง และให้ผลผลิตดก แถมยังลดปัญหาจากการเคลื่อนย้ายและการดูแลที่ยุ่งยากอีกด้วย

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนะครับ! หากใครมีคำถามหรืออยากแชร์ประสบการณ์ปลูกมะละกอ ก็คอมเมนต์มาคุยกันได้เลยครับ 😊

💗บทความที่น่าสนใจ


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การสังเกตมะละกอต้นใหน..? ต้นตัวผู้..ต้นตัวเมีย..หรือต้นกระเทย

เคล็ดลับสังเกตเพศมะละกอ ต้นมะละกอแบ่งออกเป็น 3 เพศ   คือ ต้นตัวผู้ ต้นตัวเมียและต้นสมบูรณ์เพศ หรือเรียกอีกอย่างว่ามะละกอต้นกระเทย โดยทั่วไปจะสังเกตเพศได้เมื่อต้นมะละกอ ออกดอกแล้วเท่านั้น ขณะนี้ยังไม่มีวิธีการใดที่จะบอกเพศมะละกอในขณะที่ยังเป็นต้นกล้าเล็ก ๆ หรือก่อนที่มะละกอออกดอกได้ *** เพศของดอกมะละกอมีตัวถ่ายทอดพันธุกรรม คือ ยีนส์เพียงคู่เดียวเป็นตัวควบคุม มีวิธีการสังเกตดังนี้ เพศมะละกอ 1. มะละกอต้นตัวผู้   มีช่อดอกยาวแตกแขนงเป็นสาย 70-120 เซนติเมตร ดอกบนช่อเป็นดอกสมบูรณ์เพศที่มีอวัยวะเพศเมียปรากฏอยู่แต่ไม่ทำหน้าที่ มีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ กลีบดอกสีขาวหรือครีมโคนกลีบเป็นหลอด ปลายกลีบแยกกัน 5 แฉก บริเวณโคนติดกัน กลีบที่แยกกันนั้นจะมีอับเกสรตัวผู้สีเหลือง 10 ชุด   ถ้าอุณหภูมิต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส และช่วงแสงต่อวันน้อย รังไข่ของดอกมะละกอต้นตัวผู้อาจเจริญพัฒนาติดเป็นผล หลังจากรับการถ่ายละอองเกสรตัวผู้ได้ มะละกอต้นตัวผู้นี้ปกติไม่ให้ผลคุ้มค่าการลงทุน ควรทำการตัดทิ้ง ดอกมะละกอตัวผู้ 2. มะละกอต้นตัวเมีย   จะเป็นต้นตัวเมียที่แท้จริ...

วิธีสังเกตช่อดอก และแยกเพศมะละกออย่างง่ายๆ

หลังจากคลุกคลีอยู่กับพืชหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นผักหวานป่า อินทผาลัม หรือแม้กระทั่งไผ่บงหวานเพชรน้ำผึ้ง และไผ่ตงลืมแล้ง ตามแนวคิดที่ว่า ถ้าเดินเข้าสวนของผมก็ต้องมีของกินของขายแทบทุกชนิดรวมอยู่ในที่ดินเพียงผืนเดียว โดยใช้พื้นที่เพียง 12 ไร่ ด้วยความคิดที่ไม่หยุดยั้งตามด้วยการกระทำที่ไม่หยุดนิ่ง จึงได้เริ่มปลูกมะละกอฮอนแลนด์ประมาณหนึ่งไร่กว่าๆ เริ่มตั้งแต่นำเมล็ดมาเพาะเอง (3 ต้น/1ถุงเพาะชำ) จนได้ต้นกล้าอายุประมาณ 1 เดือน ปลูกด้วยระยะห่าง 2.5 x 2.5 เมตร เริ่มปลูกช่วงปลายเดือนกรกฎาคม มาถึงตอนนี้ (ตุลาคม) อายุมะละกอฮอนแลนด์ก็ได้ประมาณ 3 เดือน ก็มาถึงช่วงสำคัญ นั่นก็คือการแยกเพศมะละกอเพื่อให้ได้ต้นสมบูรณ์เพศหรือต้นกะเทย ตามภาษาชาวสวนมะละกอเขาเรียกกัน เพราะมะละกอเป็นพืชที่ไม่สมบูรณ์เพศ จะมี 3 เพศคือ  1. ต้นตัวผู้จะไม่ให้ผลผลิต 2. ต้นตัวเมียจะให้ผลผลิตรูปทรงกลมกลวง เนื้อไม่หนา ไม่เป็นที่ต้องการของตลาด  3. ต้นสมบูรณ์เพศหรือต้นกะเทย อันนี้จะให้ผลรูปทรงกระบอกเรียวยาว เนื้อหนา เป็นที่ต้องการของตลาด ขายได้ราคาดี  บทความนี้ขออธิบายการสังเกตช่อดอกมะละกอให้ฟังพอคร่าวๆจากปร...

วิธีตัดต้นมะละกอ หรือ "ทำสาวมะละกอ" ให้ได้ต้นเตี้ย ติดลูกดก

พบกันอีกแล้วครับ..กับบทความเกษตรดีๆ รวมไปถึงเทคนิคเด็ด เคล็ดไม่ลับในการทำเกษตร ที่ผมนำมาฝากโดยเฉพาะสำหรับคนที่ปลูกมะละกอ ไม่ว่าจะเพื่อการค้าหรือว่ากันในเชิงพาณิชย์นะครับ ทำสาวมะละกอ เรื่องราวที่ผมจะนำมาบอกเล่าให้ฟังในวันนี้ เป็นอีกหนึ่งวิธีในการดูแล และยืดอายุมะละกอในสวนของเรา หรือเรียกง่ายๆก็คือการทำสาวมะละกอ ให้ได้ต้นเตี้ย ติดลูกดก มีวิธีง่ายๆดังนี้ครับ หลังจากเราเก็บผลผลิตมะละกอชุดแรกหรือคอแรกไปแล้ว (ต้นมะละกออายุประมาณ 1 หรือ 2  ปี) ให้เราตัดต้นทิ้ง 2 ส่วน เหลือไว้ส่วนเดียว (จากโคนต้นขึ้นมา) ในการตัดให้ตัดเฉียงด้วยเลื่อยหรือมีดคมๆ จากนั้นก็คลุมด้วยถุงหรือแก้วพลาสติกเพื่อกันไม่ให้น้ำเข้า เสร็จแล้วให้บำรุงต้นด้วยมูลสัตว์เก่า หรือปุ๋ยสูตร 46-0-0 ประมาณ 1 ช้อนแกง/ต้น เพื่อเร่งการแตกยอด สุดท้ายก็รดน้ำให้ชุ่่ม คลุมด้วยเศษฟางหรือใบไม้แห้ง เพื่อเก็บรักษาความชื้นเป็นอันเสร็จครับ ทำสาวมะละกอ ต้นเตี้ย ลูกดก ด้วยวิธีง่ายๆเพียงเท่านี้  ผ่านไปประมาณ 3 สัปดาห์แขนงข้างต้นก็จะเจริญเติบโตเป็นลำต้นใหม่ที่พร้อมให้ผลผลิตที่สมบูรณ์ในรุ่นต่อไปๆครับ