การเตรียมเมล็ดมะละกอก่อนนำไปเพาะปลูก
เตรียม "เมล็ดพันธุ์มะละกอ"
เมื่อผลแก่เมล็ดจะเปลี่ยนเป็นสีดำและจะหลบคมมีดได้ การเอาเมล็ดที่อยู่ในผลที่แก่ไปเพาะทันทีจะมีอัตราการงอกของเมล็ดต่ำ เพราะเยื่อหุ้มเมล็ดชั้นนอกมีสารยับยั้งการงอกอยู่ การที่จะทำให้มีการงอกสูงขึ้นทำได้โดย เอามือขยี้เปลือกหุ้มเมล็ดออกให้หมด หรือเอาเมล็ดที่รวบรวมจากผลใส่ในถ้วยหรือกะละมังใส่น้ำให้ท่วมเมล็ดทิ้งไว้ 48 ชั่วโมง เยื่อเมล็ดจะเน่าหลุดง่าย เอามือขยี้เยื่อหุ้มเมล็ดออกแล้วล้างด้วยน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้ง แล้วนำเมล็ดคลุกยาป้องกันเชื้อราให้ทั่ว นำไปเพาะได้ทันทีหรือถ้าจะเก็บรักษาเมล็ดไว้ให้นาน ก็เอาเมล็ดคลุกยาป้องกันราให้ทั่วแล้วใส่ในถุงพลาสติกผูกปากถุงให้แน่น นำไปเก็บไว้ในที่เย็น เช่น ช่องผักของตู้เย็น เป็นต้น
เมื่อผลแก่เมล็ดจะเปลี่ยนเป็นสีดำและจะหลบคมมีดได้ การเอาเมล็ดที่อยู่ในผลที่แก่ไปเพาะทันทีจะมีอัตราการงอกของเมล็ดต่ำ เพราะเยื่อหุ้มเมล็ดชั้นนอกมีสารยับยั้งการงอกอยู่ การที่จะทำให้มีการงอกสูงขึ้นทำได้โดย เอามือขยี้เปลือกหุ้มเมล็ดออกให้หมด หรือเอาเมล็ดที่รวบรวมจากผลใส่ในถ้วยหรือกะละมังใส่น้ำให้ท่วมเมล็ดทิ้งไว้ 48 ชั่วโมง เยื่อเมล็ดจะเน่าหลุดง่าย เอามือขยี้เยื่อหุ้มเมล็ดออกแล้วล้างด้วยน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้ง แล้วนำเมล็ดคลุกยาป้องกันเชื้อราให้ทั่ว นำไปเพาะได้ทันทีหรือถ้าจะเก็บรักษาเมล็ดไว้ให้นาน ก็เอาเมล็ดคลุกยาป้องกันราให้ทั่วแล้วใส่ในถุงพลาสติกผูกปากถุงให้แน่น นำไปเก็บไว้ในที่เย็น เช่น ช่องผักของตู้เย็น เป็นต้น
การเตรียมต้นกล้ามะละกอก่อนปลูก
มะละกอไม่เหมาะที่จะหยอดเมล็ดลงแปลงปลูกโดยตรง
เนื่องจากเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลในชั้นแรกมากในพื้นที่ๆ กว้างขวาง
เพราะต้นกล้าที่งอกใหม่ ๆ ต้องการเอาใจใส่ดูแลอย่างใกล้ชิด
ดังนั้นการเตรียมต้นกล้ามะละกอให้แข็งแรงก่อน แล้วจึงย้ายปลูกลงแปลงปลูก
จึงเป็นวิธีที่เหมาะสมกว่าการหยอดเมล็ดลงแปลงปลูกโดยตรง
การเตรียมต้นกล้ามะละกอ มี
2 แบบ คือ
1. เพาะเมล็ดลงถุง
การเพาะเมล็ดลงถุงโดยตรงนั้น
เป็นวิธีที่สะดวก
สามารถทำได้โดยการเตรียมดินผสมที่จะใช้เพาะเมล็ดให้ร่วนโปร่ง(อัตราส่วนดินผสม :
ดิน 3 ส่วน+อินทรีย์วัตถุ 1 ส่วน คลุกเคล้าให้เข้ากันปุ๋ยคอก)
ปุ๋ยคอกควรเป็นปุ๋ยคอกเก่าที่สลายตัวแล้วและไม่ร้อน
ส่วนอินทรียวัตถุอาจใช้เป็นเศษหญ้าสับ แกลบหรือเปลือกถั่วก็ได้
แล้วแต่จะหาอะไรได้ในท้องถิ่น
นำดินที่ผสมแล้วใส่ถุงขนาด 2 x 6 นิ้ว
ที่เจาะรูระบายน้ำเรียบร้อยแล้วประมาณ 4 รู ตั้งเรียงไว้กลางแจ้งในบริเวณที่สามารถให้น้ำได้อย่างสม่ำเสมอทุกวัน
หลังจากนั้นฝังเมล็ดลงไปใต้ดินให้ลึกประมาณครึ่งเซนติเมตรถุงละ 3 เมล็ด รดน้ำให้ชุ่มทุกวันเช้าเย็น เมล็ดจะเริ่มงอกภายใน 10-14 วัน หลังปลูกเมื่อต้นมะละกอมีใบจริง 2-3 ใบ
ให้เลือกกล้าที่แข็งแรงเอาไว้ ถอนต้นที่อ่อนแอออก
ข้อควรรู้
ในการเพาะเมล็ดนี้ ควรฉีดพ่นยาป้องกันกำจัดราพวกแมนโคเซบ ผสมยาป้องกันแมลงประเภทคาร์บาริลและยาจับใบฉีดพ่นครั้งแรกเมื่อต้นกล้าเริ่มงอกและหลังจากนั้นฉีดพ่นทุก ๆ 10 วัน จนกว่าจะย้ายกล้าลงแปลงปลูก ซึ่งจะสามารถย้ายกล้าปลูกเมื่อเพาะเมล็ดได้ 45-60 วัน และหลังจากถอนแยกต้นกล้าเหลือต้นเดียวหรือสองต้นแล้ว อาจสามารถเร่งให้ต้นกล้าเจริญเติบโตได้เร็วขึ้น โดยให้ปุ๋ยสูตร 21-21-21 ที่มีธาตุอาหารรองผสมอยู่ด้วยโดยใช้ปุ๋ยอัตรา 2 ช้อนแกงต่อน้ำ 20 ลิตร และผสมยาจับใบฉีดพ่นทุกๆ 7 วัน
2. เพาะเมล็ดลงแปลงเพาะแล้วย้ายลงถุง
เตรียมแปลงเพราะกว้างประมาณ
1 เมตร ยาวประมาณ 3-5 เมตร ให้ความยาวแปลงอยู่ในแนวดินเหนือใต้ย่อยดินให้ละเอียดและผสมปุ๋ยคอก
ประมาณตารางเมตรละ 2 กิโลกรัม คลุกเคล้าปุ๋ยคอกกับดินแล้วย่อยให้เข้ากัน
ยกเป็นรูปแปลงสูงจากระดับดินเดิม 15 เซนติเมตร
แล้วใช้ไม้ขีดทำร่องแถว ตามความกว้างของแปลงลึกประมาณ 1
เซนติเมตร ให้แถวห่างกัน 25 เซนติเมตร
จากนั้นโรยเมล็ดมะละกอในร่องแถวให้ห่างกันพอประมาณตลอดแปลง แล้วรดน้ำให้ชุ่ม
ผสมด้วยยาฆ่าแมลงเพื่อป้องกันมดคาบเมล็ด อาจใช้เซฟวิน 85
หรือ S-85 ก็ได้และรดน้ำให้ชุ่มทุกวันเช้า-เย็น
เมื่อต้นกล้ามีใบจริงได้ 2-3 ใบ หรือประมาณ 21-25 วัน หลังจากเพาะให้ย้ายกล้าลงถุงพลาสติกขนาด 2x6
นิ้ว ถุงละ 1 ต้น ตั้งเรียงไว้ในที่มีแสง 50% ฉีดพ่นยาป้องกันโรคแมลงและให้ปุ๋ยเช่นเดียวกับการเพาะเมล็ดลงถุงโดยตรง
การเพาะเมล็ดลงกระบะพลาสติก
ก็ปฏิบัติคล้าย ๆ กัน โดยเอากระดาษหนังสือพิมพ์รองก้นตะกร้าพลาสติก
แล้วใส่ดินผสมเช่นเดียวกับที่เตรียมสำหรับเพาะในถุงลงไปเกลี่ยหน้าดินให้เรียบ
ทำร่องแถวเพราะห่างกันประมาณ 10 เซนติเมตร แล้วนำเมล็ดมะละกอหยอดลงไป รดน้ำซึ่งผสมน้ำยากันมดให้ชุ่ม
รดน้ำให้ชุ่มทุกวันเช้า-เย็น เมื่อกล้ามีใบจริงแล้วจึงย้ายลงถุงต่อไป
และเมื่อต้นกล้าในถุงแข็งแรงดีแล้ว จึงนำไปปลูกได้
ระยะเวลานับตั้งแต่เพาะเมล็ดจนถึงย้ายกล้าลงปลูกในแปลงใช้เวลาประมาณ 45-60 วัน
ระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเพาะกล้ามะละกออยู่ในช่วงกลางเดือนมกราคม
สามารถย้ายกล้าปลูกได้ในราวกลางเดือนมีนาคม
และจะเริ่มเก็บผลได้ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป ซึ่งจะมีผลไม้ชนิดอื่น ๆ
ในท้องตลาดออกน้อยทำให้จำหน่ายได้ราคาสูง
การเลือกพื้นที่ปลูกมะละกอ
มะละกอ
เป็นไม้ผลที่ชอบดินร่วนปนทราย ดินเหนียวปนดินร่วนหรือดินร่วนที่มีการระบายน้ำที่ดี
มีอินทรียวัตถุมาก ไม่ชอบน้ำขังและควรมีหน้าดินลึกไม่น้อยกว่า 1 เมตร ช่วงระดับความเป็นกรด-ด่าง (PH) ที่เหมาะสมคือ 5.5-7 มะละกอไม่ทนดินเกลือและไม่ทนลม
แหล่งปลูกจึงควรหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีลมแรง
ถ้าหลีกเลี่ยงพื้นที่มีลมแรงไม่ได้ควรทำแนวไม้กันลมไว้โดยรอบ
ก็จะช่วยได้ในระดับหนึ่ง
มะละกอจะเจริญเติบโตได้ดี
ถ้าได้รับแสงแดดเต็มที่ มะละกอมีก้านใบยาว และกลุ่มใบจะมีมากที่บริเวณยอด
จึงไม่ควรปลูกมะละกอให้ชิดกันเกินไป จะทำให้ไม่สะดวกในการป้องกันกำจัดศัตรูของมะละกอ ระยะปลูกที่เหมาะสมคือ 4 x 3 เมตร หรือ 3 x 3 เมตร
หรือ 2.5 x 3 เมตร
แหล่งปลูกมะละกอควรอยู่ใกล้เมืองหรือมีทางคมนาคมสะดวก
เนื่องจากผิวมะละกอบางทำให้เกิดการบอบช้ำในการขนส่งได้ง่ายกว่าผลไม้ชนิดอื่น ๆ
การเตรียมแปลงปลูกมะละกอ
1.ไถพื้นที่ปราบวัชพืช
2 ครั้ง ครั้งแรกไถด้วยผาน 3 หรือผาน 4 ครั้งที่ 2 ให้ย่อยดินให้เล็กด้วยผาน 7
2.วัดระยะแปลงปลูกตามความต้องการ
ควรปักหลักเล็ก ๆ ห่างจากหลักหลุมปลูกอีก 2 หลัก
โดยปักให้ห่างข้างละ 50 เซนติเมตร
3.ขุดหลุมปลูกเป็นรูปสี่เหลี่ยมให้ขอบหลุมห่างจากหลักกลางประมาณ
25 เซนติเมตร และขุดลึก 50 เซนติเมตร
เอาดินขึ้นไว้บนปากหลุมอย่าให้โดนหลักเล็กทั้ง 2
ซึ่งจะเป็นหลักบังคับระยะปลูก
4.ใส่ปุ๋ยคอกเก่า
ๆ ประมาณ 1 พลั่ว
หรือครึ่งบุ้งกี๋ลงบนดินที่ขุดขึ้นมาและใส่ร๊อกฟอสเฟตลงไปอีก 100 กรัม ถ้าไม่มีร๊อกฟอสเฟตให้ใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15
ใส่แทนจำนวน 20 กรัม หรือประมาณ 2
ช้อนแกงต่อหลุม คลุกเคล้าดินกับปุ๋ยให้เข้ากันดี
แล้วใช้จอบกลบดินลงหลุมให้เสมอปากหลุม
5. ก่อนปลูกหาไม้ไผ่ยาวประมาณ
1 เมตร ทำเครื่องหมายที่ตำแหน่ง 0.00, 0.50 และ 1 เมตร เป็นเครื่องหมายต้นปลูก
เพื่อให้แถวปลูกตรงกันทุกต้น