ปลูกมะละกอฮอลแลนด์ ให้ได้ผลผลิตสูง

การดูแลช่วงการติดดอกของมะละกอ มะละกอ สิ่งสำคัญในการเพิ่มผลผลิตมะละกอ อันดับแรกๆที่เกษตรกรต้องรู้นอกจากเรื่องเพศของมะละกอแล้ว การสังเกตช่อดอกของมะละกอก็ถือว่ามีความสำคัญไม่แพ้กันครับ เพราะตามปกติของมะละกอแล้ว เมื่อเราย้ายปลูกลงในแปลงได้ประมาณ 8-10 สัปดาห์ ก็จะเริ่มออกดอกให้เห็น ซึ่งดอกของมะละกอก็จะอยู่เหนือก้านใบ และในช่วงนี้เอง เราจะสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นดอกของมะละกอเพศใด ถ้าเห็นว่าเป็นต้นมะละกอเพศเมีย แนะนำให้ตัดยอดออก แต่ให้เหลือใบไว้ประมาณ 3-4 ใบ จากนั้นก็บำรุงต้นด้วยการใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักรอบโคนต้นกลบด้วยดิน และคลุมด้วยฟางหรือเศษใบไม้แห้ง หมั่นรดน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นก็จะได้มะละกอต้นกะเทยที่มีสองกิ่งได้ผลผลิตสองเท่าตัวครับ แต่ถ้าเห็นว่าเป็นดอกสมบูรณ์เพศอยู่แล้ว เราก็ไม่ต้องทำอะไรมาก เพียงแค่หมั่นบำรุงต้นให้สมบูรณ์แข็งแรง มะละกอที่เราปลูกไว้ก็จะติดผลได้อย่างสมบูรณ์ และที่สำคัญเราต้องหมั่นตรวจดูผลเล็กๆของมะละกอที่ออกจากช่อดอกด้วยว่า เป็นดอกสมบูรณ์เพศที่ติดผลเป็นพลูหรือให้ผลที่มีลักษณะบิดเบี้ยวเสียรูปหรือไม่   หากพบให้ปลิดทิ้งตั้งแต่เล็กๆ และควรปลิดผลที่ติด

ดื่มชามะละกอ ล้างไขมันในลำไส้ได้ ชามะละกอ พูดถึงแต่เรื่องการปลูกมะละกอมาหลายวันแล้ว วันนี้ขอพักเทคนิควิธีการต่างๆเกี่ยวกับการปลูกและการเพิ่มผลผลิตมะละกอเอาไว้ก่อน แต่มีสูตรการทำเครื่องดื่มสมุนไพรที่ทำจากมะละกอในสวนของเราเอง ที่สามารถล้างสารพิษต่างๆในร่างกาย โดยเฉพาะไขมันที่อยู่ในลำไส้ของเราได้ ด้วยวิธีง่ายๆ เพียงแค่เรานำมะละกอดิบมาปอกเปลือกออก จากนั้นนำไปล้างน้ำเอายางออก หั่นเป็นชิ้นเล็กๆประมาณ 1 ถ้วยตวง ใส่ลงไปในหม้อ เติมน้ำลงไป 1 ลิตร ตั้งไฟให้เดือด เติมดอกเก๊กฮวย ใบเตย หรือรากใบเตย ลงไป ปล่อยให้เดือดสัก 5 นาที ก็ยกลงได้ จากนั้นนำไปกรองให้เหลือแต่น้ำ นำไปชงเป็น “ชามะละกอ” โดยเทใส่กาต้มน้ำ ใส่ใบชาประมาณครึ่งกำมือ แต่อย่าแช่ใบชาเกิน 5 นาที เพราะถ้าแช่นานเกินไป สารแทนนินที่อยู่ในใบชาจะออกฤทธิ์มากเกินไป หากดื่มกินอาจทำให้มีอาการนอนไม่หลับ หรือท้องผูกได้ จากนั้นกรองเอาแต่น้ำ ดื่มได้ทันที ซึ่งจากข้อมูลทางด้านสุขภาพระบุว่า หากเราดื่มชามะละกอเป็นประจำ เป็นการล้างลำไส้ ช่วยล้างระบบดูดซึม จะเป็นการล้างคราบไขมันที่ผนังลำไส้ อันเนื่องมาจากการกินอาหารที่ผัดน้ำมันเป็นประจำ ทำให้คราบไขมั

5 สายพันธุ์มะละกอที่นิยมปลูกเป็นการค้า หากพูดถึงเรื่องมะละกอที่ปลูกในบ้านเรา ก็มีอยู่มากมายหลายสายพันธุ์ ทั้งที่เป็นพันธุ์ดั้งเดิม และสายพันธุ์มะละกอที่คิดค้นดัดแปลงสายพันธุ์ขึ้นมาใหม่จากนักวิชาการต่างๆ แต่หลักๆแล้ว “มะละกอ”  ที่นิยมปลูกในเชิงธุรกิจหรือปลูกเพื่อการค้าก็มีอยู่ด้วยกัน 5 สายพันธุ์ ซึ่งเป็นพันธุ์มะละกอที่ตลาดมีความต้องการสูง เป็นที่นิยมปลูกของเกษตรกรทั่วไป ดังนี้ 1. มะละกอพันธุ์แขกดำ นิยมปลูกกันมากในแทบทุกภาคของประเทศไทย เป็นมะละกอต้นเตี้ย ก้านใบสั้น ใบมีสีเขียว เนื้อในหนากว่ามะละกอพันธุ์อื่นๆ ผลยาวรี ขนาดผลมีส่วนหัวและท้ายของผลเกือบเท่ากัน ผิวขรุขระเล็กน้อย ผลสุกมีรสหวาน น้ำหนักผลประมาณ 1.2-1.5 กิโลกรัม มีเมล็ดน้อยช่องว่างภายในผลแคบ เหมาะที่จะทำส้มตำ 2. มะละกอพันธุ์โกโก้ เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์มะละกอพันธุ์ที่นำมาปลูกนานแล้ว ลำต้นเล็กๆ จะมีจุดประสีม่วง ลักษณะผล ส่วนปลายผลเล็กเรียว ส่วนหัวผลใกล้ขั้วมีลักษณะเป็นทรงกระบอกใหญ่ ผิวสีเขียว ผลค่อนข้างเรียบช่องระหว่างผลเป็นเหลี่ยมชัดเจน ช่องว่างภายในผลกว้าง สุกแล้วเนื้อสีแดงหรือส้ม เป็นมะละกอที่เหมาะสำหรับบริโภคสุก